Public Training
Design for System Maintenance by Reliability Engineering (ออกแบบระบบการดูแลรักษาเครื่องจักรด้วยเทคนิค Reliability Engineering) NEW
Loading Events
วันที่อบรม
14 - 16 พฤษภาคม 2568
เวลา 9:00-16:30 น.
โรงแรมอมารี กรุงเทพ
ระยะเวลาอบรม : 3 วัน
วิธีการฝึกอบรม
- บรรยาย และฝึกปฏิบัติ

ค่าธรรมเนียม (ไม่รวม VAT) 14,000 บาท
สถาบันจดทะเบียนในนามมูลนิธิ จึงได้รับยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%

ค่าธรรมเนียม (ระบุตามจำนวนผู้เข้าอบรม)

The numbers below include tickets for this event already in your cart. Clicking "Get Tickets" will allow you to edit any existing attendee information as well as change ticket quantities.
------------- ปิดการรับสมัคร -------------

  • This event has passed.


Design for System Maintenance by Reliability Engineering
(ออกแบบระบบการดูแลรักษาเครื่องจักรด้วยเทคนิค Reliability Engineering)

 

การป้องกันมิให้เกิดการหยุดเสียของเครื่องจักรในระหว่างการผลิตนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการโดยทั่วไปมักให้ความสนใจ แต่การเฝ้าระวังการหยุดเสียของเครื่องจักรที่มากเกินควร ซึ่งหมายถึงการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่บ่อยครั้งเกินความจำเป็นก็ย่อมทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และในทางกลับกันสำหรับการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ที่มีระยะเวลาสำหรับการดำเนินการดังกล่าวที่เนิ่นนานเกินไป ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่เครื่องจักรจะหยุดเสียในระหว่างการผลิตได้มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการและก่อให้เกิดผลเสียหาย
อย่างมาก ทั้งแก่ตัวเครื่องจักรและกระบวนการผลิตอีกด้วย

เมื่อกล่าวถึงเทคนิคการปรับปรุงแบบ Six Sigma ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเทคนิคที่สามารถลดความผิดพลาดของกระบวนการให้เหลือเพียง 3.4 ครั้งใน 1 ล้านครั้งของการทำงาน (หรือ 3.4 PPM) โดยทั่วไปแล้ว Six Sigma จะเป็นเทคนิค
ที่มีชื่อเสียงและนิยมใช้สำหรับการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (ลดของเสีย) แต่ทั้งนี้ Six Sigma ก็ยังสามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรได้อีกด้วย ในกรณีของการใช้ Six Sigma เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรนั้น กล่าวได้ว่าที่ระดับความสามารถของเครื่องจักรที่ 6 Sigma เครื่องจักรจะมีการหยุดเสีย (Breakdown) ไม่เกิน 3.4 ครั้ง (หรือ 3.4 Machine-Hrs) ใน 1 ล้านครั้งของการทำงาน (หรือ 1 ล้าน Machine-Hrs) ซึ่งที่ระดับคุณภาพดังกล่าวเครื่องจักร
จะมีค่า OEE ไม่ต่ำกว่า 95%

แต่ว่าการใช้ Six Sigma สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรนั้น ก็จะไม่สามารถใช้เครื่องมือของ
Six Sigma ในรูปแบบทั่วไป (Six Sigma Traditional Approach) ได้ เช่น Histogram, t-Test/F-Test, 2K Design
เป็นต้น โดยจำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือที่เฉพาะเจาะจงของ Six Sigma ที่มีชื่อว่า “วิศวกรรมความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability Engineering)” ซึ่งเป็นเทคนิคทางสถิติประยุกต์และเป็นหนึ่งในหลายๆ เทคนิคที่บรรจุอยู่ในเครื่องมือของ
Six Sigma ด้วยเทคนิคดังกล่าวนี้จะให้ผลการวิเคราะห์ที่มีความถูกต้องอย่างสูง ในเรื่องของการพยากรณ์อายุการใช้งานของเครื่องจักร ภายใต้สภาวะการทำงานที่แตกต่างกันไปของแต่ละกระบวนการผลิต คือถึงแม้จะเป็นเครื่องจักรชนิดเดียวกัน
ก็ตาม แต่หากทำงานอยู่ภายใต้คนละสภาวะที่แตกต่างกัน ก็ย่อมจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเมื่อเราสามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์ได้ว่าเครื่องจักรจะมีอายุการใช้งานเท่าใด ซึ่งง่ายในการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องจักรนั้น

 

ด้วยเทคนิคของ Reliability Engineering จะเข้าสู่เป้าหมายของการดำเนินงานได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนหรือน้อยกว่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรประหยัดต้นทุนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงลงได้มากกว่า 80% และ
ที่สำคัญคือสามารถลดอัตราการหยุดเสียของเครื่องจักรได้ที่ระดับของ 6 Sigma (ซึ่งหมายถึงการมีชั่วโมงหยุดเสียของเครื่องจักรที่น้อยกว่า 3.4 ชั่วโมงในหนึ่งล้านชั่วโมงของการทำงานของเครื่องจักร)

ในการวางแผนระบบงานซ่อมบำรุงนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบช่วงเวลาที่เครื่องจักรจะหยุดเสียนับจากครั้งแรกที่ได้เริ่มใช้งาน ซึ่งเราเรียกช่วงเวลาที่นับตั้งแต่เครื่องจักรเริ่มใช้งานไปจนถึงเวลาที่มันหยุดเสียนี้ว่า BDT (Breakdown Time) และมักมีน้อยคนที่จะเข้าใจว่าวิธีการที่ใช้ในการประมาณ BDT ของเครื่องจักรนั้น ไม่ใช่การหาค่าเฉลี่ยของเวลาการหยุดเสียแต่ละครั้งของเครื่องจักร เนื่องจาก BDT มีการแจกแจงทางสถิติแบบ Exponential Distribution ดังนั้นวิธีการหาค่าเฉลี่ย (ซึ่งเป็นวิธีสำหรับ Normal Distribution) จึงไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการนำมาประยุกต์ใช้กับการหาค่า BDT ของเครื่องจักร ยิ่งไปกว่านั้น การใช้วิธีค่าเฉลี่ยเพื่อมาหา BDT ของเครื่องจักรนั้นย่อจะให้ค่าที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก จึงส่งผลทำให้แผนการซ่อมบำรุงนั้นมีความผิดเพี้ยนตามไปด้วย และย่อมแน่นอนว่าไม่ทำให้เกิดประสิทธิผลต่อการดำเนินการแต่อย่างไร

วิธีที่เหมาะสมในการประมาณค่า BDT นั้น เริ่มต้นด้วยการหาค่า Parameter การเสื่อมถอยของเครื่องจักร
หรือที่เรียกว่า Failure Rate, ซึ่งเป็น Parameter ที่สำคัญมากสำหรับการแจกแจงแบบ Exponential (คล้ายๆ กับ ที่มีเป็น Parameter ที่สำคัญของ Normal Distribution) วิธีที่ใช้ในการหา Failure Rate นั้นสามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่ Graphical Method, Difference Equation, Mathematical Method โดยการเลือกว่าจะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับลักษณะข้อมูลเป็นสำคัญ ซึ่งหลังจากที่เราทราบค่า Failure Rate แล้วจะนำค่าดังกล่าวไปใช้ในการสร้าง Reliability Function
ของเครื่องจักร และสุดท้ายก็นำไปหา BDT ของเครื่องจักรนั้นต่อไป

สำหรับระบบที่มีความซับซ้อน (ไม่ใช่ระบบที่มีแค่ 1 เครื่องจักร) การวิเคราะห์ก็จะมีความซับซ้อนตามไปด้วย โดยต้องพิจารณาก่อนว่าระบบนั้นเป็นระบบในรูปแบบใด เช่น Series, Parallel, หรือว่า Standby System ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะให้ค่า BDT ของระบบไม่เท่ากัน ดังนั้นด้วยการวิเคราะห์ Reliability Engineering จะทำให้เราสามารถประมาณค่า BDT ของระบบได้อย่างแม่นย้ำมากขึ้น และนำไปสู่การออกแผนการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพต่อไป

 

ระยะเวลาฝึกอบรม

14 – 16 พฤษภาคม 2568

เวลา 9.00 – 16.30 น.

 

สถานที่ฝึกอบรม

โรงแรม อมารี กรุงเทพฯ (ประตูน้ำ)

 

วัตถุประสงค์

  • เทคนิคคุม Downtime ลดการหยุดเสียสู่ระดับ 6 Sigma
  • ลดต้นทุนซ่อมบำรุงกว่า 80% ด้วยการวางแผน Preventive Maintenance ที่มีประสิทธิภาพ
  • วิเคราะห์อายุการใช้งานของเครื่องจักรแม่นยำ คาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า ป้องกันปัญหาก่อนเกิดขึ้น

หัวข้อการฝึกอบรม

Day 1:  14 พฤษภาคม 2568

  • Traditional Approach for System Maintenance
  • Introduction to Reliability Engineering
  • Exponential Distribution and Poisson Distribution

Day 2:  15 พฤษภาคม 2568

  • Various techniques for Failure Rate Estimation
  • How to estimate MTBF of equipment with constant Failure Rate
  • The Goodness-Of-Fit-Test for Failure Rate
  • MTBF of equipment with non-constant Failure Rate

Day 3:  16 พฤษภาคม 2568

  • Fundamental Techniques for Reliability Apportionment (Series Vs. Parallel System)
  • MTBF estimation for Series or Parallel System
  • Equipment’s Single Mode Failure by FMEA technique
  • Equipment PM plan by Criticality No. and Risk Score
  • Maintenance Optimization (maintenance cost minimization)

*กำหนดการและหัวข้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
**สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและเสียง (VDO) ระหว่างการฝึกอบรม

 

คุณสมบัติผู้เข้าฝึกอบรม

  • จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป
  • วิศวกรโรงงาน วิศวกรซ่อมบำรุง วิศวกรฝ่ายผลิต หัวหน้างาน ผู้จัดการ
  • ควรมีพื้นฐานทางด้านสถิติ

 

การออกใบรับรองการฝึกอบรม (Certificate)

ผู้ฝึกอบรมจะได้รับใบรับรองผ่านการฝึกอบรม โดยจะต้องเข้าฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 80% ของเวลาฝึกอบรมตลอดหลักสูตร

 

วิทยากรและที่ปรึกษา

คุณวชิรพงษ์ สาลีสิงห์

  • วิทยากรที่ปรึกษา ด้านบริหารการผลิต
  • ผู้เชี่ยวชาญด้าน Reliability Engineering
  • ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน Six Sigma รวมถึงการบริหารเชิงกลยุทธ์
  • ที่ปรึกษาด้านการเพิ่มผลิตภาพ การปรับปรุงกระบวนการให้กับภาคบริการและภาคผลิต
  • ผู้เขียนหนังสือ ปฏิวัติกระบวนการทำงานด้วยเทคนิค Six Sigma, บทความวิชาการด้าน Six Sigma
    และหัวข้อที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย

ประสบการณ์

วิศวกรควบคุมและวางแผน บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด


การฝึกอบรมด้าน Six Sigma

สถาบันสมาร์ทเตอร์ โซลูชั่น อิงค์ (Smarter Solution Inc.) รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

ค่าธรรมเนียม (ยังไม่รวม Vat 7%)

14,000 บาท / ท่าน

 

  • ค่าธรรมเนียมรวม อาหารว่าง อาหารกลางวัน
  • สถาบันจดทะเบียนในนามมูลนิธิ จึงได้รับยกเว้นการหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานฝึกอบรม สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ตาม พรบ. ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน


สอบถามเพิ่มเติม
แผนกบริการฝึกอบรมและการเรียนรู้ออนไลน์ ฝ่ายพัฒนาศักยภาพ 
โทรศัพท์ 02-619-5500 ต่อ 458 (นันทนา)  E-mail: nuntana@ftpi.or.th                                                                          


วิทยากร

คุณวชิรพงษ์ สาลีสิงห์

  • วิทยากรที่ปรึกษา ด้านบริหารการผลิต
  • ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน Six Sigma รวมถึงการบริหารเชิงกลยุทธ์
  • ที่ปรึกษาด้านการเพิ่มผลิตภาพ การปรับปรุงกระบวนการให้กับภาคบริการและภาคผลิต
  • ผู้เขียนหนังสือ ปฏิวัติกระบวนการทำงานด้วยเทคนิค Six Sigma, บทความวิชาการด้าน Six Sigma และหัวข้อที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
ประสบการณ์ วิศวกรควบคุมและวางแผน บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด การฝึกอบรมด้าน Six Sigma สถาบันสมาร์ทเตอร์ โซลูชั่น อิงค์ (Smarter Solution Inc.) รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา